วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำหัวเชื้อจุลินทรีย์หน่อกล้วย แบบกล้วยๆ

ติดตามข่าวสารและกด like ได้ที่  https://www.facebook.com/Organicmellow


สอนวิธีหาเงินออนไลน์ ฟรี


กล้วย...คงไม่มีใครไม่รู้จักกล้วยนะครับ  แต่เคยมีใครสังเกตไหมว่าบริเวณไหนที่มีกล้วย ดินบริเวณนั้นมักจะร่วนซุย โปร่ง อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยธาตุอาหาร ต่างๆมากมาย อันเนื่องมาจากบริเวณโคนรากของต้นกล้วยจะมีจุลินทรีย์อยู่หลายชนิด ซึ่งทำหน้าที่สร้างปุ๋ยและฮอร์โมน อีกทั้งยังปรับสภาพดินเหมาะสมต่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะจุลินทรีย์บริเวณโคนรากของหน่อกล้วยซึ่งจะมีมากเป็นพิเศษ จึงเหมาะสมที่สุดที่จะนำมาทำเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์อันสุดยอดของเราในวันนี้ ว่าแล้วก็ไปดูวิธีการทำกันเลย...

วิธีการทำ
1. เลือกหน่อกล้วยต้นที่สมบูรณ์ ไม่เป็นโรค สูงไม่เกิน 1 เมตร ขุดออกมาทั้งเหง้า ราก ให้ได้มากที่สุดโดยให้มีดินติดรากมาด้วย (ให้ขุดตอนเช้ามืด ก่อนตะวันขึ้น เนื่องจากเวลานี้จุลินทรีย์จะขึ้นมาอยู่บริเวณรากหน่อกล้วยมากที่สุด แต่ถ้าตะวันขึ้นเมื่อไหร่ จุลินทรีย์ก็จะมุดลงไปในดิน)

2. นำหน่อกล้วยที่ได้มาสับๆ หั่นๆ ทั้งหมดทั้ง ราก เหง้า ลำต้น หยวก ใบ ให้เป็นชิ้นเล็กๆ หรือละเอียดเลยยิ่งดี (ไม่ต้องล้างนะครับผม)
3. นำหน่อกล้วยสับเสร็จแล้วมาชั่งกิโล เพื่อจะนำไปหาอัตราส่วนผสมต่อไป



4. อัตราส่วนผสม หน่อกล้วย 3 ส่วน กากน้ำตาล 1 ส่วน 
*** สำหรับบางคนกากน้ำตาลอาจหายาก และยุ่งยาก สามารถใช้น้ำตาลทรายแดงแทนได้นะ
โดย กากน้ำตาล 2 กิโลกรัม เท่ากับ น้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม




5. เทส่วนผสมทั้งสองลงในภาชนะที่มีฝาปิดหรือพลาสติกคลุม คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปเก็บไว้ในที่ร่ม ไม่โดนแสงแดด



6. คนเช้า คนเย็น จนครบ 7 วัน เป็นอันใช้ได้...คั้นเอาน้ำหมักออกมาเรียกว่า "หัวเชื้อจุลินทรีย์หน่อกล้วย"



ตัวอย่างนะครับ
สมมุติว่าวันนี้ผมขุดหน่อกล้วยมาได้ 6 กิโลกรัม
ดังนั้น จะต้องใส่กากน้ำตาล 6/3 = 2 กิโลกรัม (หรือใช้น้ำตาลทรายแดง 1 กิโลกรัม)

อีกตัวอย่างนะครับ
สมมุติว่าวันนี้ผมขุดหน่อกล้วยมาได้ 8 กิโลกรัม
ดังนั้น จะต้องใส่กากน้ำตาล 8/3 = 2.67 กิโลกรัม (หรือใช้น้ำตาลทรายแดง 2.67/2 = 1.335 กิโลกรัม)




สำหรับใครที่อยากรู้ว่าในหัวเชื้อจุลินทรีย์หน่อกล้วยประกอบไปด้วยจุลินทรีย์อะไรบ้าง มีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรองไหม มีฮอร์โมนอะไรรึเปล่า ประโยชน์ที่แท้จริงคืออะไร รวมไปถึงวิธีใช้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและเหมาะสมกับพืชมากที่สุด ต้องติดตามอ่าน...บทความต่อไปนะครับ

ติดตามข่าวสารและกด like ได้ที่  https://www.facebook.com/Organicmellow


http://organicmellow.blogspot.com/2013/09/organic-mellow.html

ขอบคุณที่มารูปภาพ
http://www.bansuanporpeang.com
http://wisdom.stkc.go.th
http://famerg4wd.blogspot.com
http://www.thaiagro.com







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น